Winnie The Pooh Bear

วันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560

บันทึการเรียนรู้ครั้งที่ 6


บันทึการเรียนรู้ครั้งที่ 6

ประจำวัน จันทร์ ที่ 16 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2560

ความรู้ที่ได้รับ

เป็นการเรียน การเคลื่อนไหวแบบผู้นำ-ผู้ตาม
ขั้นพื้นฐาน
1. ให้ครูตกลงสัญญานกับเด็ก ดังนี้
     - หากครูเคาะรัวช้าๆ ( ครูเคาะให้ดู ) ให้เด็กๆเคลื่อนไปรอบๆห้องอย่างช้าๆ 
     - หากครูเคาะรัวเร็วๆ ( ครูเคาะให้ดู ) ให้เด็กๆเคลื่อนที่ไปรอบๆห้องอย่างเร็วๆ 
     - หากครูเคาะจังหวะ 2 ครั้งติดกัน ( ครูเคาะให้ดู ) ให้เด็กๆหยุดอยู่ในท่านั้นทันที
2.ให้ครูทวนสัญญานร่วมกับเด็กจนเข้าใจตรงกัน
3. ให้เด็กหาพื้นที่ของตัวเอง จากนั้นกางมือออกแล้วหมุนตัวเพื่อไม่ให้ชนกับเพื่อนคนอื่น
4.เด็กเคลื่อนไหวตามจังหวะสัญญานการเคาะของครู โดยในระหว่างการเคาะครูต้องเดินไปรอบๆห้องเพื่อสังเกตพฤติกรรมของเด็ก
ขั้นสัมพันธ์เนื้อหา
      ให้เด็กจับมือเป็นวงกลม แล้วให้ตัวแทนออกมายืนกลางวง เพื่อเคลื่อนไหวในท่าทางต่างๆแล้วให้เพื่อนๆทำท่าทางตาม อาจมีการให้ทายว่าผู้นำทำท่าอะไร เพื่อกระตุ้นให้เด็กได้คิด
ขั้นผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
      ให้เด็กได้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โดยการ บีบนวดหรือทุบที่อวัยวะต่างๆเบาๆ หรือเป็นการเคลื่อนไหวที่เบาลง อาจให้เด็กสลับกันทำให้เพื่อนที่อยู่ข้างๆเพื่อสร้างความรักและมิตรภาพให้กับเด็ก



การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้

        ในการสอนเคลื่อนไหวแบบผู้นำ-ผู้ตามนั้น ครูต้องคำนึงถึงความทั่วถึงในการให้เด็กออกมาเป็นผู้นำ ครูอาจมีการกระตุ้นเด็กโดยการให้ทายว่าท่าที่เพื่อนทำเป็นท่าอะไร เพื่อให้เด็กเกิดความสนุกสนานในการเคลื่อนไหวตามผู้นำ

การประเมินผล

 ตนเอง : มีการออกไปเป็นทั้งครูและเด็กนักเรียน ทำให้ทราบบทบาทของการเป็นครู
 เพื่อน : มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกไปเป็นทั้งครูและเด็กนักเรียน
 อาจารย์ : มีการแนะนำ เทคนิค วิธีการในการสอน


บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 5


บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 5

ประจำวัน จันทร์ ที่ 25 เดือน กันยายน พ.ศ. 2560

ความรู้ที่ได้รับ

        ในคาบนี้เป็นการเรียน การเคลื่อนไหวประกอบคำบรรยาย โดยมีขั้นตอน ดังนี้
ขั้นพื้นฐาน
1. ให้ครูตกลงสัญญานกับเด็ก ดังนี้
     - หากครูเคาะรัวช้าๆ ( ครูเคาะให้ดู ) ให้เด็กๆเคลื่อนไปรอบๆห้องอย่างช้าๆ 
     - หากครูเคาะรัวเร็วๆ ( ครูเคาะให้ดู ) ให้เด็กๆเคลื่อนที่ไปรอบๆห้องอย่างเร็วๆ 
     - หากครูเคาะจังหวะ 2 ครั้งติดกัน ( ครูเคาะให้ดู ) ให้เด็กๆหยุดอยู่ในท่านั้นทันที
2.ให้ครูทวนสัญญานร่วมกับเด็กจนเข้าใจตรงกัน
3. ให้เด็กหาพื้นที่ของตัวเอง จากนั้นกางมือออกแล้วหมุนตัวเพื่อไม่ให้ชนกับเพื่อนคนอื่น
4.เด็กเคลื่อนไหวตามจังหวะสัญญานการเคาะของครู โดยในระหว่างการเคาะครูต้องเดินไปรอบๆห้องเพื่อสังเกตพฤติกรรมของเด็ก
ขั้นสัมพันธ์เนื้อหา
      ครูจะมีการบรรยายเป็นเรื่องราวเพื่อให้เด็กได้เคลื่อนไหวในลักษณะต่างๆ โดยจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนในหน่วยต่างๆ เด็กจะต้องเคลื่อนไหวตามการบรรยายของครู
ขั้นผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
       ครูจะมีการบรรยายในลักษณะให้เด็กหยุดการเคลื่อนไหว ให้เด็กเกิดความรู้สึกสบาย เพื่อให้เด็กได้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังจากเคลื่อนไหว อาจเป็นการบรรยายให้เด็กนอนหรือนั่งแล้วแต่ครูจะบรรยาย

การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้

        ในการสอนเคลื่อนไหวประกอบคำบรรยายนั้น ครูต้องมีการสร้างเรื่องราวเพื่อกระตุ้นให้เด็กเกิดการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย ทั้ง เดิน วิ่ง กระโดด คลาน เป็นต้น เพื่อให้เด็กได้ใชทั้งกล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่

การประเมินผล

 ตนเอง : มีการออกไปเป็นทั้งครูและเด็กนักเรียน ทำให้ทราบบทบาทของการเป็นครู
 เพื่อน : มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกไปเป็นทั้งครูและเด็กนักเรียน
 อาจารย์ : มีการแนะนำ เทคนิค วิธีการในการสอน


วันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 4


บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 4

ประจำวันที่  20  เดือน  กันยายน  พ.ศ. 2560

ความรู้ที่ได้รับ

การเคลื่อนไหวและจังหวะกับความคิดสร้างสรรค์

    การเคลื่อนไหวและจังหวะแบ่งออกเป็น  3  ประเภท ดังนี้
1. การเคลื่อนไหวอยู่กับที่ คือ การเคลื่อนไหวโดยที่ร่างกายยังอยู่กับที่ แต่เป็นการเคลื่อนไหวของ ขา แขนและลำตัว เช่น การสะบัดข้อมือ การยืนเขย่งปลายเท้า การหมุนแขน การหมุนหัวไหล่ เป็นต้น
2. การเคลื่อนไหวแบบเคลื่อนที่ คือ การเคลื่อนไหวที่เคลื่อนย้ายตำแหน่งของร่างกายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เช่น การกระโดดไปข้างหน้า การวิ่ง การเดิน การคลาน การกลิ้ง เป็นต้น
3. การเคลื่อนไหวพร้อมอุปกรณ์ คือ การเคลื่อนไหวที่ต้องใช้การทำงานประสานกันระหว่างมือกับตา เท้ากับตา หรือเท้า มือและตา เช่น การเดาะลูกปิงปอง การเลี้ยงลูกฟุตบอลซิกแซก เป็นต้น

    การจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้

1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน คือ กิจกรรมพื้นฐาน
2. ขั้นสอน คือ กิจกรรมสัมพันธ์เนื้อหา
3. ขั้นสรุป คือ กิจกรรมผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

     โดยกิจกรรมพื้นฐานในขั้นนำเข้าสู่บทเรียนสามารถทำได้ 2 วิธี ดังนี้

แบบที่ 1 

1. ให้ครูตกลงสัญญานกับเด็ก ดังนี้
     - หากครูเคาะรัวช้าๆ ( ครูเคาะให้ดู ) ให้เด็กๆเคลื่อนไปรอบๆห้องอย่างช้าๆ 
     - หากครูเคาะรัวเร็วๆ ( ครูเคาะให้ดู ) ให้เด็กๆเคลื่อนที่ไปรอบๆห้องอย่างเร็วๆ 
     - หากครูเคาะจังหวะ 2 ครั้งติดกัน ( ครูเคาะให้ดู ) ให้เด็กๆหยุดอยู่ในท่านั้นทันที
2.ให้ครูทวนสัญญานร่วมกับเด็กจนเข้าใจตรงกัน
3. ให้เด็กหาพื้นที่ของตัวเอง จากนั้นกางมือออกแล้วหมุนตัวเพื่อไม่ให้ชนกับเพื่อนคนอื่น
4.เด็กเคลื่อนไหวตามจังหวะสัญญานการเคาะของครู โดยในระหว่างการเคาะครูต้องเดินไปรอบๆห้องเพื่อสังเกตพฤติกรรมของเด็ก

แบบที่ 2

1. ให้ครูตกลงสัญญานกับเด็ก ดังนี้
     - หากครูเคาะ 1 ครั้ง ( ครูเคาะให้ดู ) ให้เด็กๆเคลื่อนไปรอบๆห้อง 1 ครั้ง 
     - หากครูเคาะ 2 ครั้ง ( ครูเคาะให้ดู ) ให้เด็กๆเคลื่อนที่ไปรอบๆห้อง 2 ครั้ง 
     - หากครูเคาะจังหวะ 2 ครั้งติดกัน ( ครูเคาะให้ดู ) ให้เด็กๆหยุดอยู่ในท่านั้นทันที
2.ให้ครูทวนสัญญานร่วมกับเด็กจนเข้าใจตรงกัน
3. ให้เด็กหาพื้นที่ของตัวเอง จากนั้นกางมือออกแล้วหมุนตัวเพื่อไม่ให้ชนกับเพื่อนคนอื่น
4.เด็กเคลื่อนไหวตามจังหวะสัญญานการเคาะของครู โดยในระหว่างการเคาะครูต้องเดินไปรอบๆห้องเพื่อสังเกตพฤติกรรมของเด็ก

การนำไปใช้ประโยชน์

     กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะเป็นหนึ่งในหกกิจกรรมหลัก สำหรับเด็กปฐมวัยเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยให้เจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีความพร้อมทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ทั้งนี้เด็กจะได้แสดงออกอย่างอิสระภายใต้กติกาที่ตกลงร่วมกัน

การประเมินผล

ตนเอง  :  ได้มีโอกาสเป็นทั้งครูและนักเรียน ในการทดลองสอนขั้นนำยังไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร แต่สามารถดำเนินกิจกรรมได้จนเสร็จ

เพื่อน  :  ทุกคนมีส่วนร่วมในการรับบทบาทครูและเด็ก แต่ละคนทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างดีแต่มีบ้างที่ติดขัด

อาจารย์  :  มีการสอนเทคนิคและทำให้ดูเป็นตัวอย่าง คอยช่วยเหลือเมื่อดำเนินกิจกรรมติดขัด

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 3


บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 3

ประจำวันที่  13  เดือน  กันยายน  พ.ศ. 2560

ความรู้ที่ได้รับ

การเล่นเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์

การเล่น  คือ  กระบวนการเรียนรู้ และประสบการณ์ที่เด็กได้รับซึ่งทำให้เด็กเกิดความสนุกเพลิดเพลิน 

แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการเล่น

Piaget กล่าวถึงพัฒนาการการเล่นของเด็กว่ามี 3 ขั้น ดังนี้

1. ขั้นการเล่นโดยใช้ประสาทสัมผัส  (Sensorimotor Play)
•  สำรวจ จับต้องวัตถุ

•  ยุติลงเมื่อเด็ก 2 ขวบ
2. ขั้นการเล่นสร้างสรรค์ (Constructive Play)
•  อายุ 1 ½ - 2 ปี
•  การเล่นที่ไม่มีขอบเขตจำกัด
•  เล่นด้วยความพอใจมากกว่าคำนึงถึงความเป็นจริง
3. ขั้นการเล่นที่ใช้สัญลักษณ์ (Symbolic Play)
•  2 ขวบขึ้นไป
•  สามารถพัฒนาการเต็มที่เมื่ออายุ 3-4 ขวบ
•  เกิดขึ้นเมื่อเด็กสามารถจำและสมมติสิ่งของเครื่องเล่นต่างๆ ที่ไม่มีอยู่ที่นั่น
•  ลักษณะการเล่นที่ใช้สัญลักษณ์ที่นับว่าเป็นพัฒนาการสูงสุด คือ การเล่นบทบาทสมมติ
องค์ประกอบของการเล่นสรรค์สร้าง
1. สภาวะการเรียนรู้
•  เนื้อหาของสาระการให้ความรู้แก่เด็กโดยจัดสถานการณ์ให้เด็กเกิดการเรียนรู้ คุณลักษณะและความ
เหมือน การปรับตัวให้เข้ากับสิ่งของและผู้อื่น จินตนาการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว เหตุและผล
2. พัฒนาการของการรู้คิด
•  ต้องจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก
3. กระบวนการเรียนและกระบวนการสอน
กระบวนการจัดประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้
•  เปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องสับเปลี่ยน
•  การเรียนรู้เกี่ยวกับตรงกลาง
•  การจำแนกอย่างมีเหตุผล
หลักการจัดกิจกรรมการเล่นสรรค์สร้าง
•  ศึกษาสภาพของเด็กและกำหนดขอบข่ายความสามารถของเด็ก
•  ศึกษาสภาพแวดล้อม จัดเตรียมสื่อและกิจกรรมให้เหมาะสม
•  มีส่วนร่วมกับเด็กในจังหวะเวลาที่เหมาะสม
•  มีการสรุปท้ายกิจกรรม
ตัวอย่างกิจกรรมการเล่นสร้างสรรค์
กิจกรรมต่อยอดหอคอย
กติกาการเล่น มีดังนี้
1. ให้จับกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน แล้วไปรับอุปกรณ์ คือ ดินนำ้มัน กระดาษรองและไม้จิ้มฟัน
2.ให้แต่ละกลุ่มใช้ดินนำ้มันและไม้จิ้มฟันเป็นหอคอยให้สูงที่สุด โดยมีข้อตกลง ดังนี้
     -  ครั้งที่ 1 ห้ามคนในกลุ่มพูดคุยกัน
     -  ครั้งที่ 2 ให้คนในกลุ่มพูดได้ 1 คน
     -  ครั้งที่ 3 ทุกคนในกลุ่มสามารถพูดคุย ปรึกษากันได้
3. แต่ละกลุ่มมีเวลากลุ่มละ 5 นาที


กิจกรรมเรือน้อยลอยลูกแก้ว

กติกาการเล่น มีดังนี้

1. ให้จับกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน แล้วไปรับอุปกรณ์ คือ กระดาษ 2 แผ่น หนังยาง 5 วงและไม้เสียบลูกชิ้น 5 อัน

2. นำอุปกรณืที่ได้รับมาประดิษฐ์เป็นเรือรูปแบบใดก็ได้ ให้ลอยในนำ้และสามารถบรรทุกลูกแก้วให้ได้

มากที่สุด

3. เมื่อทุกกลุ่มประดิษฐ์เสร็จให้นำเรือมาทดสอบการลอยและการรับนำ้หนักของลูกแก้ว โดยเมื่อปล่อย

เรือลงสู่กะละมังที่ใส่นำ้ ให้ตัวแทนกลุ่มหยิบลูกแก้วใส่ลงในเรือให้มากที่สุดเท่าที่เรือจะรับนำ้หนักไหว 

จากนั้นอาจารย์จะนับ 1 -  5 ถือว่าจบการทดสอบ แล้วให้นำเรือขึ้นมาเพื่อนับลูกแก้วภายในเรือว่ากลุ่มใด

สามารถบรรทุกลูกแก้วได้มากที่สุด









กิจกรรมแฟชั่นจากกระดาษหนังสือพิมพ์

กติกาการเล่น มีดังนี้

1.ให้แต่ละกลุ่มออกแบบชุดที่คิดว่าจะทำให้นางแบบประจำกลุ่มใส่ โดยชุดที่ออกแบบต้องมีองค์

ประกอบ คือ เครื่องประดับ เสื้อ กระโปรง แผงหลัง รองเท้า ที่ใส่หัวและอื่นๆที่ต้องการเพิ่มความสวยงาม 

ให้กับชุด

2. ให้แต่ละกลุ่มใช้หนังสือพิมพ์ในการประดิษฐ์ชุดตามที่ได้ออกแบบไว้

3.เมื่อทำเสร็จจะมีการให้คะแนน จากความยิ่งใหญ่ ใส่ใจองค์ประกอบต่างๆและต้องมีความหมายของชุด




การนำความรู้ไปใช้

     การเล่น ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการในการเรียนรู้ เพราะเด็กจะได้คิดและลงมือกระทำด้วยตนเอง การเล่น

เป็นการพัฒนาทั้งทางร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา ที่สำคัญการเล่นยังช่วยพัฒนาความคิด  

สร้างสรรค์ได้อีกด้วย หากเรารู้จักประยุกต์การเล่นให้เป็นการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์

การประเมินผล

ตนเอง  :  ร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนด้วยความสนุกสนาน มีการเสนอความคิดเห็นร่วมกับเพื่อนในกลุ่ม 

เพื่อน  :  ทุกคนมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมและร่วมกิจกรรมด้วยความสนุกสนาน เพลิดเพลิน

อาจารย์  :  มีการจัดกิจจกรรมให้นักศึกษาได้เล่นอย่างสร้างสรรค์ มีการใช้กิจกรรมที่กระตุ้นการคิด 

การวางแผน การใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างผลงาน
     





บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 2


บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 2
ประจำวันที่  6  เดือน  กันยายน  พ.ศ. 2560

ความรู้ที่ได้รับ

         ในคาบนี้อาจารย์ได้ทบทวนเพลงและท่าที่ได้เรียนจากสัปดาห์ที่แล้ว จากนั้นจึงเข้าสู่บทเรียน 
โดยเป็นการเรียนภาคทฤษฎีซึงมีเนื้อหาในการเรียน  ดังนี้

ความหมายของความคิดสร้างสรรค์
• Jellen and Urban
  ความคิดสร้างสรรค์เป็นการคิดอย่างอิสระในเชิงนวัตกรรม จินตนาการ
• De Bono
  ความสามารถในการคิดนอกกรอบเพื่อนำมาใช้แก้ปัญหา
• อุษณีย์  โพธิสุข
  กระบวนการทางปัญญาระดับสูงที่ใช้กระบวนการทางความคิดหลายๆ อย่างมารวมกัน เพื่อสร้างสรรค์
  สิ่งใหม่หรือแก้ปัญหาที่มีอยู่ให้ดีขึ้น และต้องมีอิสรภาพทางความคิด 
คุณค่าของความคิดสร้างสรรค์
•  ทำให้เกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน
•  มีความภูมิใจและเชื่อมั่นในตนเอง
•  นำมาซึ่งความเป็นผู้นำ
•  ตะหนักถึงคุณค่าของตนเอง
•  ช่วยส่งเสริมสุนทรียภาพ
องค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์
Guilford ได้แบ่งองค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์เป็น 4 ด้าน
1. ความคิดคล่องแคล่ว (Fluency) คือ คิดหาคำตอบได้อย่างรวดเร็วและสมารถเชื่อโยงความสัมพันธ์ได้
2. ความคิดริเริ่ม (Originality)  คือ  ความคิดแปลกใหม่และแตกต่างไปจากความคิดธรรมดา
                                                           หรือแตกต่างจากบุคคลอื่น
3. ความคิดยืดหยุ่น (Flexibility)  คือ  การดัดแปลงความคิด
4. ความคิดละเอียดลออ (Elaboration)  คือ  การคิดจากสิ่งเดิมให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น
พัฒนาการทางความคิดสร้างสรรค์

Torrance ได้แบ่งเป็น 5 ขั้น
•  ขั้นที่ 1 แสดงออกอย่างอิสระทางความคิด ไม่คำนึงถึงคุณภาพ
•  ขั้นที่ 2 งานที่ผลิตต้องอาศัยทักษะบางอย่าง
•  ขั้นที่ 3 ประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆโดยไม่ซ้ำใคร
•  ขั้นที่ 4 ปรับปรุงขั้นที่ 3
•  ขั้นที่ 5 คิดสิ่งที่เป็นนามธรรมขั้นสูงสุด คิดหลักการใหม่ๆ
ประโยชน์ของความคิดสร้างสรรค์
•  ก่อให้เกิดสิ่งแปลกใหม่
•  อำนวยประโยชน์สุขให้แก่บุคคล
•  ช่วยให้เข้าใจปัญหาและแก้ปัญหาได้ดี
•  ช่วยให้บุคคลประสบความสำเร็จ
•  ช่วยให้ปรับตัวได้ดี
แนวคิดทฤษฎีทางความคิดสร้างสรรค์
แนวคิดและทฤษฎีโครงสร้างทางปัญญาของ Guilford
         มิติที่ 1 เนื้อหา      (ข้อมูลหรือสิ่งเร้าที่เป็นสื่อในการคิด)
•  ภาพ
•  สัญลักษณ์
•  ภาษา
•  พฤติกรรม
มิติที่ 2 วิธีคิด        (กระบวนการทำงานของสมอง)
•  การรู้และเข้าใจ
•  การจำ
•  การคิดแบบอเนกนัย
•  การคิดแบบเอกนัย
•  การประเมินค่า
มิติที่ 3 ผลของการคิด       (การตอบสนองต่อข้อมูลหรือสิ่งเร้า)
•  หน่วย
•  จำพวก
•  ความสัมพันธ์
•  ระบบ
•  การแปลงรูป
•  การประยุกต์
ทฤษฎี Constructivism
•  เด็กเรียนรู้เอง 
•  เด็กคิดเอง
•  ครูกับเด็กเรียนรู้ไปด้วยกัน
•  สร้างองค์ความรู้ใหม่ด้วยตนเอ
กิจกรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์
Torrance ได้กล่าวถึงลักษณะของกิจกรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ไว้ 3 ลักษณะ
•  ลักษณะที่ 1 ความไม่สมบูรณ์ การเปิดกว้าง  (Incompleteness, Openness)
•  ลักษณะที่ 2 การสร้างบางอย่างขึ้นมา และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ 
   (Producing Something and Using It)
•  ลักษณะที่ 3 การใช้คำถามของเด็ก  (Using Pupil Question)
     นอกจากนี้หลังจากเรียนทฤษฎีแล้ว อาจารย์ได้ให้ทำกิจกรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์

กิจกรรมสร้างเครื่องบินกระดาษ
โดยอาจารย์จะแจกกระดาษให้คนละ 1 แผ่น แล้วให้นักศึกษาพับเครื่องบินกระดาษแบบใดก็ได้ 
คนละ 1 ลำและมีกติกาว่า ให้นักศึกษายืนหลังฝากล่องแล้วปาเครื่องบินกระดาษของตนเองลงใน
กล่อง โดยแต่ละคนมีโอกาสปา คนละ 2 ครั้ง




กิจกรรมลากเส้นตามเสียงเพลง

     โดยอาจารย์ให้จับคู่กัน แล้วไปหยิบกระดาษ คู่ละ 1 แผ่น สีคนละ 1 แท่ง จากนั้นอาจารย์มีกติกาว่า 
ให้นักศึกษาลากเส้นอย่างอิสระลงบนกระดาษตามเสียงเพลงที่ได้ยินโดยห้ามยกสีขึ้นจนกว่าเพลง
จะหยุด และเมื่อเพลงหยุดให้นักศึกษาช่วยกันจินตนาการว่ามองเห็นภาพอะไรจากเส้นที่ลากเอาไว้ 
แล้วช่วยกันระบายสีลงในภาพที่เห็น จากนั้นนำมาวางไ้หน้าห้องเพื่อโชว์ผลงานและอธิบายถึงภาพที่เห็น


การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้

     เราควรเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้จินตนการในการคิดหรือทำสิ่งต่างๆอยู่บ่อยๆ เพราะเป็นการ
พัฒนาสมองของเด็กให้มีความคิดสร้างสรรค์ และในการทำกิจกรรมควรให้อิสระกับเด็กเพื่อให้
เด็กแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่ควรลืมที่จะมีกติกาหรือข้อตกลงร่วมกัน

การประเมินผล

     ตนเอง  :  ร่วมกิจกรรมอย่างตั้งใจและสนุกสนานกับทุกกิจกรรม
     เพื่อน  :  ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมอย่างสนุกสนาน
     อาจารย์  :  มีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนทำให้นักศึกษามีความเข้าใจมากขึ้นและนำไปใช้                   เป็นแนวทางในการสอนได้